ความเครียดได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่พูดถึงกันโดยทั่วไปในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนหรือสังคมใด คนจำนวนมากเริ่มตระหนักถึงสัญญาณที่ผิดปกติบางอย่างภายในร่างกายและจิตใจ โดยที่ความเครียดจะฟ้องออกมาทางร่างกายด้วยอาการปวดศีรษะ นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก โรคกระเพาะอาหาร โรคความดันโลหิตสูง ในทางจิตใจภาวะความเครียดทำให้ใจรู้สึกเป็นทุกข์ หงุดหงิดง่าย ว้าวุ่นใจ ความคิดสับสน ขาดความสามารถในการคิดและตัดสินใจอย่างรอบคอบ ผู้ที่มีความเครียดสูงเป็นเวลานานจะเกิดอารมณ์เศร้าได้ง่าย ทำให้ความรับผิดชอบต่อการงาน ครอบครัวและสังคมลดลง มีโอกาสที่จะติดยาและสารเสพติดได้ง่าย เมื่อกล่าวโดยรวมแล้ว ความเครียดนั้นมีส่วนให้เกิดปัญหาทางสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงมีแนวทางประพฤติปฏิบัติให้เกิดความสุข ความราบรื่นในงาน ในครอบครัวและในสังคมรอบข้างอย่างครบถ้วนด้วยกัน คือ
1.การมีสติ เป็นการพัฒนาฝีมือของเราขึ้นมาก หากแม้จะไม่สงบก็ลดความฟุ้งซ่านได้
2.การใช้สมาธิ อย่างเช่น เมื่อรู้สึกเหนื่อยจากการทำงาน งานก็จะผิดพลาดเป็นประจำ คิดอะไร เขียนอะไร จำอะไรก็ไม่ดี ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ต้องใช้ความอดทน การนั่งเฉย ๆ แล้วเอาจิตมาผูกกับลมหายใจ เพียงแต่รับรู้ลมหายใจเข้าออกต่อเนื่อง ตามลมหายใจ ความคิดก็ค่อย ๆ ก็สามารถช่วยให้การทำงานนั้นลดการผิดพลาดลงได้
3.การอยู่กับปัจจุบัน โดยแบ่งความสุขไปยังทุกคนในที่ทำงานทุกทิศทุกทาง ทำความรู้จักกับลมหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ใครที่ทำให้ตนเองทุกข์ใจ ร้อนใจ ขัดเคืองก็ให้อภัยเขา ไม่เอามาคิด ที่จะทำให้ใจของเราเป็นสุข
4.การปล่อยวาง โดยการไม่จมอยู่กับงานนั้นๆจนเกินไป ไม่หมกมุ่นอยู่กับอดีตที่ผ่านไป
5.การสวดมนต์ จะทำให้จิตใจของเรายึดมั่นอยู่ในพระรัตนตรัยเป็นการฝึกจิตให้สงบและมีสมาธิ เชื่อว่าจะก่อให้เกิดการเปลี่ยน แปลงในร่างกายและสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
จะเห็นได้ว่า การใช้สมาธิในการขจัดความเครียดสามารถกระทำเองได้โดยไม่ต้องลงทุนอีกด้วย ทั้งยังมีมีประโยชน์ตัวเราเองที่จะทำมีความสุข ความสัมพันธ์กับเพื่อนรอบข้างก็ดี การทำงานก็ประสบความสำเร็จอีกทั้งยังมีคุณค่าต่อสังคมด้วย