ชีวิตจะมีความสุขอย่างแท้จริงนั้นจำเป็นต้องมีการพัฒนาจิตปัญญาและคุณภาพจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝึกฝนและพัฒนาได้ ด้วยการคิดทบทวน ไตร่ตรองเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประสบการณ์ชีวิตที่เกิดขึ้นโดยตรง หรือการเห็นหรือซึมซับจากประสบการณ์ของคนอื่น การจะพัฒนาจิตใจได้จะต้องมีการฝึกฝน ปฏิบัติ โดยสามารถกระทำได้ดังนี้
– ทบทวนตนเอง มีเวลาอยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง ทำให้เข้าใจตนเองและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น เห็นคุณค่าความหมายของชีวิตและมีความสุขกับคุณค่าของชีวิตที่เป็นอยู่
– การปล่อยวาง นั้นเป็นเรื่องของการทำจิตเพื่อไม่ให้ทุกข์ใจเข้าใจความจริงของชีวิต
– ควบคุมและจัดการอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง จากการทำงานที่ต้องเผชิญกับภาวะอารมณ์รุนแรงของผู้อื่น ความกดดันจากการทำงาน ความเสี่ยงในการใช้ชีวิต
– การได้สัมผัสและซึมซับความทุกข์ ความทุกข์ทั้งที่เกิดขึ้นกับตนเองและเรียนรู้ซับความทุกข์ของผู้อื่นเป็นแรงขับที่ทรงพลังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนวิธีคิดหรือเกิดการเรียนรู้นำไปสู่การพัฒนาจิตปัญญาได้อย่างรวดเร็ว
– การศึกษาธรรมหรือปฏิบัติธรรม เพราะการยึดมั่นในหลักคำสอนของศาสนาต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ช่วยให้มีการพัฒนาจิตใจและปัญญาได้อย่างมั่นคง
– การมีสติกับการใช้เทคโนโลยี โดยอย่าให้เทคโนโลยีเข้ามากระชากสติของเราไป ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ โทรทัศน์ก็ตาม
– การเจริญสติและการฝึกวิปัสสนา เป็นการฝึกให้เกิดสติอย่างต่อเนื่อง เพราะการเจริญสติอย่างต่อเนื่องและยาวนานจะทำให้เกิดผลดีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพกายและจิตใจ สามารถช่วยป้องกันและรักษาโรคได้หลายอย่าง เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของจิตใจ ทำให้ผู้เจริญสติมีจิตใจที่สงบสุข เยือกเย็น อิ่มเอิบและแจ่มใสส่งผลดีต่อร่างกายและการทำงานของสมอง เมื่อระบบประสาทผ่อนคลายก็จะสามารถลดความตึงเครียดได้ และสามารถปรับตัวของระบบต่างๆ ภายในร่างกายที่จะทำให้มีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น การเจ็บป่วยทางกายก็จะเกิดน้อยลง
จะเห็นได้ว่า การพัฒนาคุณภาพจิตใจนั้นสามารถกระทำได้อย่างง่ายโดยต้องเริ่มจากตนเองเสียก่อน เพราะสภาพจิตใจที่เป็นสุขสามารถมีสัมพันธภาพและรักษาสัมพันธภาพกับผู้อื่นไว้ได้อย่างราบรื่น สามารถทำตนให้เป็นประโยชน์ได้ภายใต้ภาวะสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางสังคมและลักษณะความเป็นอยู่ในการดำรงชีวิต อีกทั้งวางตัวได้อย่างเหมาะสมและปราศจากอาการป่วยของโรคทางจิตใจและร่างกายได้อีกด้วย




ความเครียดได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่พูดถึงกันโดยทั่วไปในขณะนี้ โดยคนจำนวนมากเริ่มตระหนักถึงสัญญาณที่ผิดปกติบางอย่างภายในร่างกายและจิตใจ ซึ่งความเครียดโดยส่วนใหญ่จะเริ่มจากอาการปวดศีรษะ นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก เป็นต้น ในทางจิตใจภาวะความเครียดทำให้ใจรู้สึกเป็นทุกข์ หงุดหงิดง่าย ความคิดสับสน ขาดความสามารถในการคิดและตัดสินใจอย่างรอบคอบ ผู้โดยรวมแล้ว ความเครียดนั้นมีส่วนให้เกิดปัญหาทางสุขภาพนอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบข้างอีกด้วย รวมทั้ง ปัญหาของสังคม และอื่นๆด้วย เป็นที่ทราบกันแล้วว่าความเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและจิตใจนั้นเป็นไปอย่างซับซ้อน ผู้ที่มีความเครียดสูงจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ rhinovirus ทำให้เป็นหวัดได้ง่ายผู้ที่มีความโกรธบ่อยๆ ทำให้หัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตต้องทำงานมากขึ้น จึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง ทั้งนี้จิตใจของทุกคนเป็นเสมือนพลังงานทั้งในแง่ดีและร้าย ครอบครัวที่มีความขัดแย้งทำให้เกิดลูกที่มีปัญหา สังคมที่มีความเครียดสูงเป็นสังคมที่ขาดความสุขฉะนั้นแล้วหนทางสู่ความสุขด้วยการพัฒนาตนเองมีด้วยกันดังนี้








การพัฒนาจิตใจ เพื่อกำจัดสิ่งที่รังควานหรือทำลายจิตใจนี้มีอยู่มากวันหนึ่งๆ ไม่มีประมาณเลย มีแต่เรื่องสัญญาอารมณ์เครื่องผูกมัดรัดรึงบีบคั้นจิตใจอยู่ตลอดเวลา ไม่ค่อยจะมีอารมณ์ที่ทำจิตใจให้มีความยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบานจิตใจ หรือให้ได้รับความสงบเยือกเย็นเป็นสุขได้บ้าง มีแต่อารมณ์ที่เป็นข้าศึกต่อจิตใจเป็นส่วนมาก เพราะฉะนั้นจึงต้องพัฒนาจิตใจเพื่อกำจัดสิ่งเหล่านี้ออก ให้จิตได้รับความสงบเยือกเย็น และสิ่งที่จะนำมาแก้ไขหรือซักฟอกสิ่งเหล่านี้ออกนอกจากธรรมแล้วไม่มี ที่นอกจากธรรมแล้วก็มีแต่เครื่องช่วยส่งเสริมให้จิตใจมีความรุ่มร้อนรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการเลย ดังนั้นจงให้เอาธรรมไปพัฒนาจิตใจ