วิธีการเลือกบริการรถเช่าเชียงใหม่สำหรับรายสัปดาห์

บริการรถเช่าเชียงใหม่ในอเมริกาเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นธุรกิจที่ร่ำรวยโดยไม่คำนึงถึงวิกฤตการณ์ทางการเงินในปัจจุบันที่เราทุกคนกำลังประสบอยู่ สิ่งนี้ได้เห็นจรวดท้องฟ้าจำนวนมากที่มีการดำเนินธุรกิจในระดับโลกแม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่คนอื่นก็ตาม มีบทความมากมายที่เขียนขึ้นบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับวิธีลดค่าใช้จ่ายของเราด้วยการทำสิ่งต่างๆที่เราเคยใช้มาก่อน เนื่องจากบทความดังกล่าวได้รับการเขียนขึ้นมาหลายครั้งจึงตีความเนื้อหาและความหมายที่เข้าใจผิดหลังหักค่าใช้จ่ายของคุณ

หลายคนรู้สึกว่ามันหมายถึงการตัดพฤติกรรมการใช้จ่าย

บางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นเช่นการใช้บริการรถเช่า สิ่งที่เราทุกคนต้องตระหนักก็คือจนกว่าและจนกว่าเราจะไปเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเราทุกคนโดยใช้ทรัพยากรและบริการรถเช่าเชียงใหม่ทางธุรกิจเช่นเดียวกับที่เราใช้ไปกระแสเงินสดของเศรษฐกิจจะยังคงเหมือนเดิมซึ่งส่งผลให้เรายังคงเผชิญกับภาวะถดถอยใน ปีต่อ ๆ ไป หนึ่งควรใช้จ่าย แต่ด้วยข้อ จำกัด และมองไปที่พื้นที่ที่สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ นี่เป็นกรณีที่มีการเช่ารถรายสัปดาห์ เมื่อไปเช่ารถเป็นแนวโน้มทั่วไปในการเช่ารถเป็นระยะเวลาไม่ว่าจะเป็น 3 วันหรือ 9 วัน ปัญหาเดียวก็คือบริการเช่ารถมองไปที่การว่าจ้างบริการของเราเป็นประจำทุกสัปดาห์ซึ่งเหตุผลใดก็ตามที่ไม่เหมาะกับชื่อรถเช่ารายสัปดาห์มักถูกเรียกเก็บเงินมากขึ้น

คุณเคยสังเกตว่าเหตุใดข้อเสนอเช่าออนไลน์

จึงเริ่มต้นด้วยชื่อเรื่องบริการเช่ารถรายสัปดาห์ เมื่อเลือกที่จะใช้บริการเช่ารถรายสัปดาห์คุณจะประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับคู่ค้าของคุณได้เป็นอย่างดีโดยอัตโนมัติเมื่อใช้รถตามตารางเวลาของ บริษัทรถเช่าเชียงใหม่ เมื่อคุณใช้รถในช่วงวันที่แปลกแม้ว่า บริษัท จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ยังจะทำให้คุณเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น หากคุณเป็นคนที่ต้องการรถเป็นระยะเวลานานตัวอย่างเช่นสามวันเราขอแนะนำให้เลือกเช่ารายสัปดาห์แทน ถ้าคุณกำลังบินออกไปที่ไหนสักแห่งจากนั้นเพียงจองล่วงหน้าสองวันกับการเช่ารถรายสัปดาห์

คุณสามารถดูตัวคุณเองทางออนไลน์ได้โดยเปรียบเทียบราคาจากการว่าจ้างรถให้เช่าเป็นจำนวนวันและจากนั้นจ้างที่อยู่ในประเภทเช่ารถรายสัปดาห์ หากคุณออนไลน์มีเว็บไซต์จำนวนมากที่นำเสนอโบนัสที่ยอดเยี่ยมและส่วนลดสำหรับการเช่ารถรายสัปดาห์ ส่วนลดไม่ได้มีเพราะเป็นข้อเสนอเป็นครั้งคราว แต่เนื่องจากพวกเขาทำให้มันง่ายและมีกำไรมากขึ้นสำหรับวิธีการที่ บริการรถเช่าเชียงใหม่หากคุณกำลังวางแผนที่จะเช่ารถเร็ว ๆ นี้คุณควรพิจารณาเช่ารถรายสัปดาห์ตามที่ต้องการและสามารถประหยัดเงินเป็นจำนวนมาก

การธำรงรักษาบำรุงรักษาถังดับเพลิง

นอกจากการเล่าเรียนกรรมวิธีใช้พร้อมทั้งการเลือกเฟ้นพวกถังดับเพลิงให้เข้าท่ากับประเภทของไฟ แล้ว จุดสำคัญของการอุดหนุนถังดับเพลิงก็เป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะในกรณีเกิดเรื่องฉุกเฉิน เพื่อสมรรถนะ ของการดับเพลิงจึงควรดูแลถังดับเพลิงที่อยู่ในสภาวะพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

  1. ทำความสะอาดถังดับเพลิง พร้อมกับเครื่องใช้ไม้สอยเสริม (สายฉีดและหัวฉีด) อย่างสม่ำเสมอ
  2. ทดสอบสภาวะข้างนอกของถังดับเพลิง ตัวถังไม่ผุกร่อนหรือขึ้นสนิม สายฉีดไม่แตกหักหรือรั่วซึม
  3. ไม่ตั้งถังดับเพลิงในแนวที่มีความชุ่มชื้น (บริเวณที่อาจโดนฝน หรือใกล้ซิงค์น้ า ) หรือมีอุณหภูมิสูง (วาง ตากแดด, ใกล้จุดกำเนิดความร้อนต่างๆ หม้อต้มน้ำ เตาอบ เตาหุงต้ม) หรือก่อเกิดมลทินได้ง่าย รวมทั้งทดสอบให้ไม่มีเครื่องขัดขวางทางเข้าออก เพื่อให้หยิบฉวยได้ง่าย
  4. ตรวจทานสลากวิธีการใช้ ป้ายบอกจุดติดตั้ง ป้ายแสดงระบุการทะนุบำรุง และคนตรวจสอบ ให้อ่านได้ ชัดเจนตลอด
  5. ในกรณีที่ใช้ถังดับเพลิงแบบผงเคมีแห้ง ควรหมั่นพลิกถังดับเพลิง คว่ำ หงาย 5-6 ครั้ง เพื่อให้ผงเคมี ชั้นในมีการเคลื่อนที่ ไม่จับตัวกันเป็นก้อน อย่างน้อยเดือนละครั้ง
  6. สืบสวนความดันของถังดับเพลิง คิดว่ายังอยู่ในช่วงที่ระบุจากมาตรวัดความดัน ถ้าเข็มวัดยังชี้ อยู่ในแถบสีเขียวแสดงว่าถังดับเพลิงยังอยู่ในภาวะพร้อมใช้งาน เพราะด้วยถังดับเพลิงตระกูลที่ไม่มีมาตรวัด ความดันเช่น CO2 ให้ใช้วิธีชั่งน้ำหนัก น้ำหนักไม่ควรลดลงมากกว่า 20%
  7. กรณีที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปี ควรทำการทดสอบความทนต่อแรงอัดด้วยน้ำ Hydrostatic test แบบมีหนังสือรับรองการทดสอบ เปลี่ยนวาล์ว สายฉีด และเติมผงเคมี
  8. ในการบรรจุหีบห่อเคมี ควรเลือกเฟ้นบริษัททำบรรจุเคมีดับเพลิง ที่ได้รับอนุญาต มอก. 332 – 2537 ตรวจดู ระดับความชำนิชำนาญในการดับเพลิง FIRE RATING ดับได้ในระดับใด ตามที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ และ พิจารณาฉลากรวมถึงการการันตีหลังการบรรจุ สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับถังดับเพลิงได้ที่ http://www.harn.co.th/fire-protection-ดับเพลิง/

 

เทคโนโลยีเครื่องพิมพ์วันที่

ประจุบันเทคโนโลยีการทำเครื่องแสดงบนผลิตผล ได้ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่ม เป็นพิเศษ ในสายอุตสาหกรรมการผลิต มีเหตุจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องบังคับข้อมูลสำคัญไว้บนตัวของซื้อของขาย อย่างของผลิตภัณฑ์เองก็ผลิตจากอุปกรณ์หลากหลายประเภท พื้นผิวจึงแตกต่างกันไป เช่น ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก กระดาษ แก้ว เหล็ก ฯลฯ

ฉะนั้น การเลือกคัดใช้เครื่องใช้ไม้สอย หรือเครื่องทำเครื่องแสดงต่างๆ จึงต้องคัดใช้ให้เหมาะสมกับอย่างสินค้า รูปพรรณงานด้วย และสาเหตุที่การงานของคุณควรจะมีเครื่องทำตรา หรือ เครื่องพิมพ์วันที่ผลิต วันหมดอายุ คือ

1.เพิ่มความโดดเด่นให้กับผลิตผล จากชื่อแบรนด์ โลโก้ อื่นๆ

2.ข่าวคราวของซื้อของขายฉบับย่อ ช่วยให้ทราบสายการทำของสินค้านั้น

3.ผู้ผลิตสามารถทำเครื่องหมายไว้บนของซื้อของขายเพื่อปกป้องการปลอมได้

4.ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตผลได้อีกทาง ด้วยข่าวสารสำคัญ ต่าง ๆ ที่จะทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจเลือกเฟ้นซื้อของซื้อของขายนั้นๆ ได้ง่ายขึ้น

เครื่องพิมพ์วันที่ผลิต แบบ CIJ และ DOD

เครื่องพิมพ์วันที่ผลิต เครื่องพิมพ์วันหมดอายุ (Coding Machine)

เครื่องยนต์กลไกในระบบอุตสาหกรรมการผลิต ที่จัดเป็นเครื่องจักรตัวสำคัญในขั้นตอนผลิต ในโรงงานทุกฝ่ายนั้น เป็นเครื่องพิมพ์ระเบียบอิงค์เจ็ท สามารถแบ่งออกได้ 2 ชนิด คือแบบ CIJ (continue ink jet printer)  และ DOD (drop on demand )​

อาชีพของเครื่องพิมพ์แบบ CIJ และ DOD นี้ หมึกจะถูกพ่นบนพื้นผิวของสิ่งของที่เคลื่อนที่ผ่านอย่างต่อเนื่อง ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเครื่องพิมพ์วันที่ทำ (Coding Machine) ทั้ง 2 ชนิดนี้ ได้รับความชอบเป็นอย่างมากในอุตสาหกรรมการผลิต ที่ต้องการความรวดเร็ว อุตสาหกรรม SME และขนาดกลางขึ้นไป ซึ่งเครื่องพิมพ์วันที่ผลิตแบบ CIJ คุณลักษณะในการพิมพ์ภาพ ความงามจะด้อยกว่าแบบ DOD สัณฐานชิ้นงานที่เหมาะกับเครื่องพิมพ์วันที่ผลิต กลุ่มนี้ จึงเป็นงานที่ใช้ตัวอักษรขนาดเล็ก ไม่เน้นรูปภาพนัก เช่น วันที่ ไลน์การทำ

ส่วนเครื่องพิมพ์แบบ DOD จะเหมาะสมกับทั้งวันที่ทำ งานตัวอักษรขนาดเล็ก-ใหญ่ โลโก้ สัญลักษณ์ บนตัวสินค้า เนื่องด้วยเครื่องพิมพ์กลุ่มนี้จะให้ภาพที่เน้นความละเอียดของชิ้นงาน และความคมชัดที่มากกว่าแบบ CIJ  แต่โดยรวมแล้วการคัดใช้งานเครื่องพิมพ์นั้น ก็แล้วแต่สภาพของซื้อของขาย และความต้องการของธุรกิจของคุณเองด้วยว่าเครื่องพิมพ์ประเภทไหนที่จะเหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด  สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์วันที่เพิ่มเติมได้ที่  http://www.harn.co.th/digital-printing-เครื่องพิมพ์วันที่/

 

เจ็ดสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อเตียงและที่นอนของคุณ

ก่อนที่จะซื้อเตียงมีหลายสิ่งที่คุณควรจะนึกถึงเช่นว่าใครจะใช้เตียงว่าใหญ่แค่ไหนและที่เตียงจะอยู่ในตำแหน่ง นอกจากนี้การกำหนดจำนวนบุคคลที่จะนอนบนเตียงพร้อมกับขนาดของร่างกายจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าจะซื้อเตียงแบบไหน สำหรับเด็กและผู้ใหญ่มักจะแนะนำเตียงเดี่ยว หากคุณกำลังมองหาเตียงสำหรับคุณและคู่ของคุณเตียงขนาดคิงไซส์คือสิ่งที่คุณกำลังค้นหา

เมื่อซื้อเตียงหรือที่นอนของคุณให้พิจารณาเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์ต่อไปนี้

  1. ประนีประนอม เมื่อคุณดูออนไลน์มีเตียงต่างๆที่มีจำหน่ายในราคาที่สามารถต่อรองได้ เป็นที่แน่ชัดว่าคุณต้องเจรจาราคาเพราะจะเป็นประโยชน์ในการกำหนดคุณภาพของเตียง ถ้าเตียงไม่ได้อยู่ในส่วนลดคุณอย่างน้อยสามารถขอ freebies เช่นหมอนหรือแผ่น
  2. การรับประกัน ผลิตภัณฑ์คุณภาพขยายเวลาการรับประกันตั้งแต่ 5 ถึง 10 ปี ระวังและรู้เหตุผลว่าทำไมเตียงจึงเสียถ้าเป็นความผิดของคุณการรับประกันจะถือเป็นโมฆะ หากคุณซื้อที่นอนและต้องการใช้การรับประกันในบางประเด็นคุณควรคำนึงถึงการซื้อที่นอนกันฝน มีการรับประกันที่เตียงควรจะพลิกทุกหกเดือน คุณอาจถามพนักงานขายของคุณเกี่ยวกับข้อมูลการรับประกันของคุณ
  3. ใช้เวลาของคุณ มีที่นอนชนิดต่าง ๆ เช่นโฟมอากาศน้ำและฟูตอง นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิตที่แตกต่างกันเช่น Sealy, Serta, Simmons, Tempur-Pedic และ Spring Air ถ้าคุณต้องการทดสอบที่นอนอย่าพึ่งพาการนอนหลับเป็นเวลา 10 วินาที ใช้เวลาของคุณในการพยายามที่นอนอื่น ๆ ไม่รีบเร่งที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ หากคุณกำลังจะซื้อเตียงสำหรับสองนอนอยู่บนใบหน้าที่ไม่ดีออกไปจากคู่ของคุณเพื่อดูว่าคุณสามารถตรวจสอบว่าเขาหรือเธอจะลุกขึ้นจากเตียง เตียงขึ้นอยู่กับขนาดของที่นอน
  4. ความแน่วแน่ ความแน่นของเตียงควรอยู่เคียงข้างกันด้วยความสบาย เตียงที่แข็งมากจะบังคับกระดูกสันหลังของคุณให้โค้งงอที่สะโพกและไหล่ เตียงนุ่ม ๆ จะช่วยให้สะโพกและไหล่ของคุณจมลงสู่เตียง หากต้องการทราบว่าความแน่นของเตียงเหมาะหรือไม่ให้ตรวจดูว่ามีความนุ่มและแน่นเกินไปหรือไม่ควรวางเตียงด้านขวาตรงกลาง มองหาวัสดุที่นอนที่สบายเช่นกัน
  5. ขนาด ขนาดเตียงขึ้นอยู่กับบุคคลที่ใช้ที่นอน ถ้าคุณเป็นคนสูงคุณอาจต้องการซื้อเตียงขนาดคิงไซส์ ถ้าคุณอยู่เหนือหกฟุตคุณควรซื้อขนาดของกษัตริย์แคลิฟอร์เนีย เมื่อเทียบกับเตียงขนาดคิงไซส์ทั่วไปแคบและสูงกว่า เตียงขนาดควีนไซส์เหมาะสำหรับคู่รักที่มีความสูงไม่เกิน 6 ฟุต
  6. ขดลวด ที่นอนภายในสปริงมี 2 ประเภท เหล่านี้เป็นขดลวดที่เชื่อมต่อกันและขดลวดอิสระ ขดลวดที่เชื่อมต่อกันมีขดลวดน้อยกว่าซึ่งเชื่อมต่อเข้าด้วยกันกับสายไฟ ในทางกลับกันขดลวดอิสระมีขดลวดเพิ่มเติมที่ทำงานด้วยตัวเองเพื่อช่วยคุณในการนอนหลับของคุณ
  7. งบประมาณ คุณควรพิจารณางบประมาณของคุณก่อนที่จะซื้อเตียง อาจมีราคาแพงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังมองหาที่นอนที่มีคุณภาพสูง ราคาของเตียงนอนจะไม่เป็นตัวกำหนดคุณภาพของสิ่งที่คุณกำลังซื้อ ชื่อแบรนด์มีความเกี่ยวข้องกับราคาเตียง หากคุณไม่สามารถจ่ายได้ตามราคาของเตียงให้กลับไปที่หมายเลขที่กำลังเจรจาต่อรอง อย่ากลัวที่จะขอส่วนลดผู้ที่รู้คุณอาจได้รับตัวเองดี

มีหลายสิ่งที่คุณควรพิจารณาเมื่อซื้อเตียงหรือแผ่นกระดาษ คุณยังสามารถซื้อเตียงพับได้ถ้าคุณเป็นจำนวนมากในครอบครัว สิ่งเหล่านี้จะถูกนำมาใช้หากคุณมีแขกพิเศษที่จะนอนในบ้านของคุณ ดูรายละเอียดเกี่ยวกับที่นอนราคาถูกได้ที่ http://www.3tfurniture.com/home/ที่นอน

การเลือกเบอร์มงคลให้เข้ากับวันเกิดโดยมีหลักการใช้เลข

สำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับเบอร์มงคลเสมือนคือเบอร์มงคลที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับสายโทรศัพท์ที่เชื่อมโยงโดยตรง ซึ่งหมายความว่าเมื่อมีคนโทรเข้าหมายเลขนี้พวกเขาจะถูกนำไปยังสายโทรศัพท์ที่อาจอยู่นอกสหรัฐฯ อาจดูเหมือนว่าเป็นเพียงการโทรศัพท์ทางไกล แต่ผู้โทรจะไม่ต้องจ่ายเพิ่มเพราะเป็นหมายเลขโทรฟรี

เบอร์มงคลที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 800 คือเบอร์มงคลเสมือนบริษัทอเมริกันตระหนักว่ามีเฉพาะในการให้บริการชนิดต่างๆให้กับลูกค้าด้วยการใช้โทรศัพท์ เพียงโทรหมายเลขลูกค้าสามารถขอความช่วยเหลือด้วยเคเบิลทีวีบัตรเครดิตบัญชีธนาคารและอื่น ๆ อุตสาหกรรมบริการลูกค้าได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเมื่อ บริษัท อเมริกันเริ่มใช้ตัวเลขเสมือนอย่างกว้างขวาง การประหยัดเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นกับ บริษัท อเมริกันส่วนใหญ่ แนวโน้มเริ่มเติบโตขึ้นเมื่อ บริษัท อเมริกันตระหนักว่าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการโทรทางไกลและค่าแรงถ้าพวกเขาเลือกที่จะใช้เบอร์มงคลเสมือน

การเกิดขึ้นของเบอร์มงคลเสมือนทำให้ประเทศที่พูดภาษาอังกฤษได้เป็นโอกาสสำหรับผลกำไรมหาศาล เนื่องจากเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการงานที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าไปยังประเทศอื่น ๆ บริษัทในสหรัฐฯและยุโรปจึงมอบหมายงานเหล่านี้ให้กับประเทศต่างๆเช่นอินเดียและฟิลิปปินส์

อินเดียเป็นประเทศแรกที่ใช้เบอร์มงคลเสมือนอย่างกว้างขวาง เมื่ออุตสาหกรรมศูนย์บริการทางโทรศัพท์เริ่มเพิ่มขึ้นอินเดียกลายเป็นจุดหลอมของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชาวยุโรปและชาวอเมริกันหลายพันคนได้รับหมายเลขเสมือนและถูกส่งไปยังอินเดียซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากตัวแทนศูนย์บริการตามที่นั่น สิ่งต่างๆจากการขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับบัตรเครดิตในการแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์ถูกมอบให้กับตัวแทนศูนย์บริการในอินเดีย

เทคโนโลยีของเบอร์มงคลเสมือนทำให้ผู้โทรไม่ทราบว่ากำลังคุยกับตัวแทนจากประเทศอื่น คุณภาพของการโทรทำให้ผู้โทรเข้ามาเห็นภาพลวงตาว่าพวกเขากำลังพูดคุยกับคนใกล้ ๆ ทำให้ผู้โทรรู้สึกสบายใจเพราะพวกเขาคิดว่าพวกเขาทำโทรศัพท์เฉพาะที่ทำให้พวกเขาคิดว่าพวกเขาไม่ได้ใช้จ่ายมากเกินไป

ถ้าใครกำลังมองหาตัวเลขที่จะช่วยเสริมมงคลให้ชิวิตดี๊…ดี ก็ต้องเข้าไปที่ www.sasithanumber.com มีเบอร์มงคลให้เลือกเยอะเลยขอให้ทุกคนโชคดี

#เบอร์มงคล

ประเภทของระบบห้องเย็น

ระบบห้องเย็นแช่เย็นเฉียบพลัน (Air Blast Chill Room )

มีไว้สำหรับลดอุณภูมิเพื่อรอกระบวนการต่อไป หรือ เพื่อควบคุมเชื้อแบคทีเรีย หรือเพื่อให้เอ็นไซย่อยเนื้อในขบวนการผลิตเนื้อสัตว์ ส่วนใหญ่ห้องเย้นเฉียบพลัน จะมีข้อกำหนดของเวลาเข้ามาด้วย

อุณหภูมิใช้งานที่ต้องการส่วนใหญ่ ประมาณ : 2 ถึง -10 องศาเซียลเซียส หรือ ขึ้นอยู่กับสินค้า

ระบบห้องเย็นแช่แข็ง (Freezer Room)

มีไว้สำหรับ ลดอุณหภูมิ และเก็บสินค้า ในช่วงเวลานานๆ ที่อุณหภูมิต่ำกว่า “จุดเยือกแข็งของตัวสินค้านั้นๆ”เช่น ปลาแช่แข็ง เก็บรักษาที่อุณภูมิ -17.8  ถึง -23.3 องศาเซียลเซียส สามารถเก็บรักษาได้ระยะเวลา 8 ถึง 10 เดือน

อุณหภูมิใช้งานที่ต้องการส่วนใหญ่ ประมาณ : ตั้งแต่ -5 ถึง -25 องศาเซียลเซียส หรือ ขึ้นอยู่กับสินค้า

ระบบห้องเย็นเก็บรักษาสินค้า (Cold Storage Room )

มีไว้สำหรับ เก็บรักษาสินค้า ซึ่งสินค้าถูกผ่านการแช่แข็งมาแล้ว โดยที่สินค้าที่นำมาเก็บมีอุณภูมิ “ต่ำกว่า” หรือ “เท่ากับ” อุณหภูมิของห้องเก็บรักษาสินค้า ในการคำนวณโหลดทำความเย็นไม่จำเป็นต้องคิดค่าความร้อนจากตัวสินค้า

อุณภูมิใช้งานที่ต้องการส่วนใหญ่ ประมาณ : -25 องศาเซลเซียส หรือ ขึ้นอยู่กับสินค้า

ระบบห้องเย็นแช่แข็งลมเย็นจัด (Air Blast Freezer Room )

มีไว้สำหรับ Freez สินค้าให้เย็นเร็ว โดยไม่ทำให้เซลเกิดความเสียหาย การ Freez สินค้าแต่ละประเภท แตกต่างกัน เช่น การ Freez ผัก และผลไม้ จะต้อง Freez เร็ว ไม่ทำให้ผนังเซลเกิดแตก ซึ่งการเกิดจากน้ำภายในเซลเปลี่ยนสถานะจากของเหลว เป็นของแข็ง (เกล็ดน้ำแข็ง) หรือการ Freez อาหารทะเลส่งออก จะต้องพยายามไม่ทำให้เกิดเกล็ดน้ำแข็งภายในเนื้อเซล เพราะจะทำให้เซลช้ำ โดยทั่วๆไปห้องแช่แข็งลมเย็นจัด จะมีขนาดความจุของสินค้าได้ 2.5 Tons จะใช้เวลาในการ Freez ประมาณ 4-5 ชม. โดยข้อกำหนดจะต้องดึงอุณภูมิได้ไม่เกิน 6 ชม.

อุณภูมิใช้งานที่ต้องการส่วนใหญ่ ประมาณ : -35 องศาเซีลเซียส หรือขึ้นอยู่กับสินค้า

ระบบห้องเย็นพักสินค้า  ( Anti Room )

มีไว้สำหรับลดอุณหภูมิของอากาศภายนอกที่มีอุณหภูมิสูง ไหลเข้าห้องแช่แข็งลมเย็นจัด (Air Blast Freezer Room )

หรือ ห้องเก็บที่มีอุณหภูมิต่ำๆ ห้องนี้บางครั้ง ก็มีไว้สำหรับพักสินค้า หรือ กระจายสินค้าบ้างในตัวเอง อุณหภูมิจะอยู่ประมาณ   อุณภูมิใช้งานที่ต้องการส่วนใหญ่ ประมาณ : -5 ถึง +10 องศาเซลเซียส หรือ ขึ้นอยู่กับชนิดของการทำงาน

สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับห้องเย็นได้ที่  http://www.harn.co.th/unit-coolers-ทำความเย็น-ห้องเย็น/

 

 

บทสรุปของความสำคัญของการสอบเทียบเครื่องมือวัด (calibration)

บทสรุปจากการสอบเทียบ(calibration)เมื่อนำมาพินิจพิจารณา จะทำให้สามารถระบุได้ว่าเครื่องมือวัดควรจะใช้ต่อไปหรือจำเป็นต้องปรับแต่งผลสรุปจากการสอบเทียบ ทำให้ แน่นอนได้ว่าเครื่องวัดที่ใช้ในการวิเคราะห์ยังคงปฏิบัติราชการได้อย่างแม่นยำพร้อมกับยึดมั่นได้ ผลลัพธ์การสอบเทียบหลายๆ ครั้ง ยังแสดงให้เห็นคุณภาพทางด้านความมั่นคง ( Stability ) ของวัสดุวัด

ขณะใดที่ต้องสอบเทียบ

มักมีคำถามเกิดขึ้นเสมอว่าเครื่องมือวัดใดที่ต้องลงมือสอบเทียบ พร้อมด้วยจะสอบเทียบบ่อยเพียงใดพอจะกล่าวโดยรวมได้ว่า การสอบเทียบวัสดุอุปกรณ์วัดจะต้องทำเวลาใดก็ตามที่ผลการวัดของเครื่องมือวัดนั้นเปรียบเปรยต่อคุณลักษณะของข่าวสารดังนั้น เครื่องมือวัดใดที่ไม่มีผลพวงต่อคุณลักษณะของข่าวก็ไม่จำเป็นต้องสอบเทียบ การระบุว่าเครื่องมือวัดใดต้องสอบเทียบบ้างคงจะใช้ข้อสันนิษฐานดังต่อไปนี้ ให้ตั้งคำถามว่าหากเครื่องมือวัดที่ใช้ในการตรวจหาอ่านค่าผิดไปจากข้อบังคับที่กำหนดไว้ จะได้รับผลพวงที่เสียหายต่อคุณลักษณะของข้อมูลหรือไม่ หากพบว่าการวิเคราะห์ขึ้นอยู่กับค่าการอ่านของวัสดุวัดเป็นสำคัญก็แสดงว่ามาตรวัดนั้น ต้องดำเนินการสอบเทียบด้วยกันอีกกรณีหนึ่งก็คือ เมื่อใดที่ข้าราชการมีสาเหตุที่จำเป็นต้องเชื่อมั่นในค่าของเครื่องมือวัดก็ต้องสอบเทียบตัวอย่างเช่น เรื่องของความสะดวก

กิจกรรมสอบเทียบเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ค่าใช้จ่าย แต่การสอบเทียบก็มีความจำเป็นเพราะหากพินิจพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าราคาความเสื่อมที่เกิดขึ้นกับข่าวสาร เมื่อใช้เครื่องมือวัดที่ไม่เป็นหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายในการตรวจตรา ซ้ำ อาจสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการสอบเทียบเครื่องมือวัด การสอบเทียบที่ทำมากเกินความจำเป็นก็อาจก่อให้เกิดการหมดไป งบประมาณขององค์กรเกินความจำเป็นเช่นเดียวกัน

 

 

 

 

 

 

ชุดประจำการชนชาติของชาวญี่ปุ่น(ชุดกิโมโน)

ถ้าหากจะอ้างอิงถึงชุดประจำชาติของชาวญี่ปุ่นที่รู้จักมักคุ้นกันดีคงหนีไม่พ้นชุดกิโมโนที่รู้จักกันดีไปทั่วโลก โดยชุดประจำชาติอย่างกิโมโนหรือชุดญี่ปุ่น (WAFUKU)เป็นชุดที่เน้นย้ำการตัดเย็บเสื้อผ้าอาภรณ์แบบเส้นตรงจากผ้าสี่เหลี่ยมผืนผ้าจึงสามารถใส่ได้กับทุกเพศทุกวัย เป็นชุดประจำชาติที่มีความสะดุดตา อย่างมากตรงที่สามารถใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ส่วนความแตกต่างของชุดกิโมโนที่ใส่ตามฤดูกาลนั้นจะอยู่ที่การเลือกใช้เนื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ส่งผลให้ชุดกิโมโนสมรรถใส่ได้สม่ำเสมอนั่นเอง

โดยชุดกิโมโนในคำพูดญี่ปุ่นนี้แปลว่า”เครื่องแต่งกาย, เครื่องแต่งกาย, เครื่องอาภรณ์” ที่มีวิวัฒนาการควบคู่มากับความเป็นมาของประเทศญี่ปุ่น และได้รับคอสะพัดกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงประจุบัน ซึ่งจากความนิยมชมชอบนี้ทำให้ไม่ใช่แค่เพียงคนแก่แต่ที่แบบใส่ชุดกิโมโน สมมตแต่วัยรุ่น หรือวัยทำงานก็ยังการตั้งกฎเกณฑ์ใส่ชุดนี้ในชีวิตประจำวันเช่นกัน อีกหนึ่งความน่าสนใจของชุดกิโมโน คือ สามารถใช้เป็นมรดกทำให้ตลอดแก่ลูกหลาน เนื่องจากชุดกิโมโนเป็นชุดที่มีราคาสูง มีให้เลือกเฟ้นสวมใส่ทั้งแบบผ้าปกติธรรมดา ไปจนกระทั่งชุดที่ทำจากผ้าไหมชั้นยอด

แม้กระนั้นกิโมโน จะมีชุดที่คล้ายกันอย่างชุดยูคาตะ แต่ก็มีความห่างไกลทางด้านการใช้งานกันอยู่ปานกลาง เช่นชุดกิโมโนมักจะใส่ในระเบียบแบบแผนที่ยิ่งใหญ่ หรือเป็นทางการยิ่งกว่า และมักทำด้วยผ้าไหม หรือผ้าที่จิตรที่ปราณีตยิ่งกว่าชุดยูกาตะที่มักทำมาจากผ้าฝ้าย มีผ้าคาดเอวหรือโอบิที่ใหญ่กว่า มีจำนวนชิ้นมากกว่า และมีราคาที่แพงกว่าชุดยูกาตะเช่นกัน

หากจะให้เทียบกันจะพบว่าชุดยูกาตะนั้น จะเสมือนชุดที่ใส่แบบลำลองและมักมีไว้ให้บริการเช่าตามแหล่งเตร็ดเตร่ต่าง ๆ เพราะมีชั้นผ้าปิดแค่เพียงชั้นเดี่ยวทำให้สวมสบายต่างกับชุดกิโมโนที่จะต้องมีอย่างน้อย 2 ชั้นขึ้นไป และชุดกิโมโนมักใส่กับรองเท้าแบบโซริหรือกีตะนั่นเอง

 

เสริมความงามด้วยการฉีดฟิลเลอร์

ความสวยความงาม ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ในสังคมปัจจุบันให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะการมีหน้าตาที่สดใส เต่งตึง ไร้ริ้วรอยถือเป็นอีกส่วนหนึ่งของการส่งเสริมบุคลิกภาพที่ดีและเพิ่มความมั่นใจให้กับบุคคลนั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีทางด้านความงามก้าวรุดหน้าไปมากอย่างเช่นในปัจจุบันจึงส่งผลให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาสนใจในเรื่องของความงามกันมากขึ้นไปด้วย และหนึ่งในวิวัฒนาการของการเติมริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้าให้กลับมาเติมเต็มอีกครั้งนั่นคือการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มมาแก้ในการปัญหาริ้วรอยก่อนวัยที่หน้าผาก มุมปาก ร่องแก้ม หรือริ้วรอยรอยนั่นเอง

ฟิลเล่อร์ (Filler)  เป็นสารเติมเต็มตามธรรมชาติ ที่ส่วนใหญ่นิยมใช้สำหรับฉีดหรือเพื่อเสริมเติมเต็มในส่วนริ้วรอยร่องลึกของชั้นผิวใต้ผิวหนังให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง ซึ่งทางการแพทย์นอกจากจะใช้ฟิลเลอร์ในการเติมเต็มริ้วรอยตามจุดต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว ยังนิยมใช้สำหรับการปรับแต่งแก้ไขรูปหน้าไม่ว่าจะเป็นการเติมริมฝีปาก ร่องแก้ม และทำให้ผิวกลับมาดูกระชับเปล่งปลั่งทั้งบริเวณใบหน้า ลำคอ หลังมือ หรือผิวบริเวณหน้าอกก็สามารถทำได้เช่นกัน

นอกจากนี้การ เติมร่องลึกโดยการฉีดฟิลเลอร์ยังถือว่าเป็นการลดริ้วรอยที่เห็นผลมากกว่าการใช้ครีมทาผิวหรือการเลเซอร์ที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู เพราะใช้เวลาเพียง 15-30 นาที และสามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังการฉีดโดยไม่ต้องต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล

สว่าน Bosch เชี่ยวชาญในเรื่องเจาะรู

สว่าน เป็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเจาะรูบนพื้นผิววัสดุต่าง  ๆ ทั้งงานผนังปูน งานไม้ งานโลหะ ซึ่งตัวสว่านจะต้องใช้งานควบคู่กับดอกสว่านที่หมุนได้ขนาดต่าง ๆ  โดยดอกสว่านนั้นจะยึดอยู่กับเดือยด้านหนึ่งของสว่าน เวลาจะเจาะต้องทำการหมุนปลายดอกสว่าน ให้กดลงไปบนวัสดุที่ต้องการเพื่อให้ปลายดอกสว่านทำหน้าที่เจาะลงบนพื้นวัสดุเพื่อเป็นรูตามขนาดที่ต้องการ

ในปัจจุบันสว่าน มีให้เลือกใช้งานทั้งหมด 5 ชนิด มีคุณสมบัติแตกต่างกันไปตามการใช้งาน ได้แก่สว่านไขควงไฟฟ้า สว่านไฟฟ้า สว่านกระแทก สว่านโรตารี และสว่านไร้สาย

และสำหรับใครที่กำลังหาต้องการหาซื้อสว่านมาเพื่อใช้งาน รวมถึงกำลังมองหาสว่านที่มีคุณภาพ รองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ผลิตภัณฑ์สว่าน Bosch ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีสว่านหลายรูปแบบให้เลือกตามการใช้งานไม่ว่าจะเป็น

  • สว่านกระแทก มีให้เลือกใช้ตั้งแต่ขนาด 10 – 16 มม. แล ะสว่านกระแทกความเร็ว 2 ระดับ มีรอบความเร็วขณะเดินเครื่อง0 – 2600 รอบ/นาที น้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม สามารถเจาะได้ทั้งคอนกรีต ไม้ และเหล็กกล้า สามารถเลือกความเร็วได้และหมุนปรับระดับได้ทั้งซ้ายและขวา
  • สว่านไฟฟ้า มีให้เลือกใช้ตั้งแต่ขนาด 6 – 13 มม. สว่านความเร็ว 2 ระดับ และสว่านไขควงพร้อมตั้งระยะลึก สว่านขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับงานเจาะที่มีความรวดเร็วและแม่นยำ ใช้งานต่อเนื่องได้สะดวก มือจับออกแบบมาเพื่อลดความเมื่อยล้าขณะใช้งาน มีความแข็งแรงและทนทาน มีรอบความเร็วเมื่อเดินเครื่องเปล่า 4200 รอบ/นาที เหมาะสำหรับการเจาะไม้ เจาะเหล็กกล้า และงานโลหะ

วิธีบริหารจิตเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

Happy Young Woman

 

การควบคุมจิตมีผลต่อสุขภาพร่างกาย สมอง และจิตใจ พอๆ กับการบริหารกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีผลต่อการพัฒนาสมองด้วยการกระตุ้นให้เกิดการงอกความคิดใหม่และการปรับวงจรใหม่ของเซลล์สมอง ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาจิตใจให้สมบูรณ์ และมีความสุขสงบ

1. นอนหลับให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมง/ต่อวัน

การนอนหลับดีมีผลต่อการพัฒนาสมอง หลีกเลี่ยงการอดนอนและการมีอารมณ์เครียดติดต่อกันนานๆ เพราะมีผลลบต่อร่างกาย สมอง และจิตใจ

2. ฝึกสมาธิ

ฝึกสวดมนต์ นั่งสมาธิ ไหว้พระ เดินจงกรม อธิษฐานจิตวันละอย่างน้อย 1-2 ครั้ง ครั้งละ 5-10 นาที ช่วยให้จิตใจมั่นคงสงบนิ่ง ไม่วอกแวก ฟุ้งซ่าน ขาดสมาธิ หรือใจลอยง่าย  ควรรักษาจิตที่นั่งแต่ตื่นรู้ไว้ตลอดเวลาของการปฏิบัติสมาธิ อย่าให้นานจนหลับหรือเข้าสู่ภวังค์ จะทำให้จิตเฉื่อยเนือย นำมาใช้งานในการรับรู้สิ่งเร้าอย่างรู้เท่าทันไม่ได้ ซึ่งต่างจากสติ

3. ฝึกพักใจและสมองเป็นระยะ ๆ ในแต่ละวัน

หยุดคิด โดยหันมาชื่นชมธรรมชาติ หรือศิลปะ ตามดูห้วงว่างระหว่างความคิด ลมหายใจเข้าออกและเสียงต่างๆ หามุมสงบในบ้าน ในที่ทำงาน หรือในสวน นั่งปล่อยวางอารมณ์อย่างเงียบๆ การพักใจและสมองช่วยให้มีพลังในการทำงานได้ไม่เหนื่อยล้า

4. ฝึกคิดดี-พูดดี-ทำดี ให้เป็นนิสัย

ช่วยถ่วงดุลกับธรรมชาติของจิตที่มักคิดลบซึ่งเป็นไปตามกลไกลมองที่มักถูกครอบงำด้วยความมีอัตตาตัวตน นิสัยความเคยชินเดิม และอารมณ์ลบ

ออกกำลังกาย

วิ่งเหยาะ เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก เป็นต้น ในการออกกำลังกายสามารถบริหารจิตไปในตัว โดยการใช้สติระลึกรู้อยู่กับจังหวะการเคลื่อนไหว ในช่วงแรกอาจใช้วิธีนับ เช่น นับซ้าย-ขวา นับ 1-2 หรือ 1 ถึง 10 กับจังหวะก้าว เป็นตัวช่วยจนสติมั่น ก็ไม่ต้องนับ

นอกจากนี้ควรหมั่นมีจิตอาสาทำงานเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่น , ฝึกฟังคนอื่นและเข้าใจคนอื่น , รู้จักให้กำลังใจผู้คนรอบข้าง ,  ฝึกตามดูรู้ทันความคิด อารมณ์ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ ซึ่งจะช่วยให้ควบคุมตัวเองได้ดี

การพัฒนาและส่งเสริมสุขภาพจิตด้วยตัวเอง

“สุขภาพจิตของตัวเองถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเราจะต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อนจึงแบ่งปันสู่คนอื่นได้ การรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงอย่างเหมาะสม รวมถึงต้องสามารถเผชิญกับปัญหาและความจริงของชีวิตได้ดี มีภูมิคุ้มกัน เมื่อนั้นเราก็จะมีสุขภาพจิตที่ดี”

Attractive woman holding her head

“สุขภาพจิตใจ” เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิตที่เป็นสุข ฉะนั้น การ “ส่งเสริมสุขภาพจิต” จะช่วยให้คนในสังคม ปรับชีวิตให้เป็นประโยชน์แก่ทั้งการเรียน การทำงาน สังคม ความคิด และอารมณ์ ช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคทางจิตเวชได้ โดย ผศ.นพ.พนม เกตุมาน ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อธิบายหลักการส่งเสริมสุขภาพจิตให้ฟังว่า สามารถทำได้โดยการสร้างปัจจัยป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงของสาเหตุปัญหาสุขภาพจิต ดังนี้

  1. การส่งเสริมสุขภาพร่างกาย ให้แข็งแรงปราศจากโรคด้วยการออกกำลังกาย
  2. การส่งเสริมทางจิตใจ เช่น การฝึกสู้ปัญหาให้เกิดความเคยชิน ไม่หลบเลี่ยง พัฒนาตนเองให้ปรับตัวได้มากขึ้นเมื่อพบปัญหา มองโลกในแง่บวก สนุกไปกับการเปลี่ยนแปลง หาทางแก้ปัญหาอย่างท้าทายและลงมือแก้ไขที่สาเหตุ หรือไม่ก็หากิจกรรมสร้างความสุขคืนความสงบให้กับตัวเอง การมีความสุขจากการเป็นผู้ให้ก็ย่อมทำได้เช่นกัน นอกจากนี้ การมีที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้และให้คำแนะนำ ก็ช่วยให้หลายคนห่างไกลจากการป่วยด้านสุขภาพจิตได้

3.เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับตนเอง  ด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย เน้นสงบปราศจากสิ่งเร้า ที่สำคัญควรจัดแบ่งเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนหย่อนใจให้สมดุลกัน เช่น ทำงาน  8 ชั่วโมง พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกาย 8  ชั่วโมง อีก 8 ชั่วโมงที่เหลือคือเวลานอน และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น เหล้า บุหรี่

แต่ถ้าหากไม่สามารถแก้ไขที่สาเหตุได้ ยังมี “เทคนิคการผ่อนคลายความเครียดด้วยตนเอง” เกี่ยวกับเรื่องนี้  ผศ.นพ.พนม แจงว่า สามารถทำได้ผ่านการ ฝึกสมาธิ สติ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ  การฝึกลมหายใจ (breathing exercise) เล่นกีฬาที่ได้ระบายอารมณ์แต่มีกติกาปลอดภัย นวดกล้ามเนื้อที่มีการหดเกร็งปวดให้คลายออก ช่วยให้ความเครียดลดลง โดยผู้นวดต้องได้รับการฝึกอย่างดี การไปพักผ่อนในที่ผ่อนคลาย หรือการฟังดนตรีนุ่มนวลจังหวะไม่เกิน 60 ครั้งต่อนาที ไม่ควรมีเนื้อร้อง และควรเป็นเสียงธรรมชาติ การทำงานศิลปะต่างๆ ก็สามารถทำให้ผ่อนคลายได้เช่นกัน

“อีกวิธีหนึ่งคือการฝึกประสาทอัตโนมัติ ซาวน่า  โดยการแช่ในน้ำเย็นจัดสลับกับการอบไอน้ำร้อนจัด อย่างละ  10-20  นาที เพื่อให้ประสาทอัตโนมัติเกิดการเปลี่ยนแปลงตามอย่างรวดเร็ว  แต่วิธีนี้ควรทำเมื่อร่างกายแข็งแรง” ผศ.นพ.พนมกล่าวกำชับ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวโดยสรุปว่า การเรียนรู้เตรียมตัวและฝึกฝนให้เผชิญกับชีวิต สามารถเริ่มได้ตั้งแต่วัยเด็ก โดยผู้ปกครองควรส่งเสริมพัฒนาการทุกด้าน ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ผ่านความสุขแบบพอเพียงตามแนวคิดโครงการ Happy Workplace โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อให้พัฒนาเป็นบุคลิกภาพที่ดี มีสุขภาพจิตที่ดี  ในอนาคต ซึ่งช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพจิต และมีความสุขในการดำเนินชีวิตสืบไป

ความสามารถในการจัดการด้านอารมณ์ของตนเอง

crying-babyอารมณ์เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถสัมผัสและสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนแต่เราสามารถรู้สึกถึงสภาวะทางอารมณ์ของบุคคลที่แวดล้อมเราอยู่ได้ เช่น อาจสังเกตได้จากพฤติกรรมที่มิได้แสดงออกเป็นภาษาหรือคำพูด เช่น การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง  แต่อาจเกิดความสับสนในการตีความหมายได้เพราะสังคมแต่ละแห่งอาจมีการแสดงออกทางอารมณ์ที่ไม่เหมือนกัน อารมณ์ทุกอารมณ์นั้นเกิดขึ้นได้กับบุคคลทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย โดยอารมณ์ในแง่ลบ เช่น อารมณ์โกรธและอารมณ์เศร้าที่มักทำให้เกิดผลเสียต่อบุคคลมาก ดังนั้นบุคคลจึงควรที่จะสำรวจตัวเองและยอมรับว่าตนเองกำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์อะไร และฝึกหัดที่จะระบายและควบคุมตัวเองได้อย่างเหมาะสมและเป็นไปในทางสร้างสรรค์ หรือรู้จักที่จะยับยั้งหรือควบคุมอารมณืที่ไม่เหมาะสมให้ได้

การเข้าสู่สถานการณ์ที่กระตุ้นอารมณ์จะทำให้รู้สึกตึงเครียดจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ การฝึกการผ่อนคลายจะทำให้รู้สึกว่าสามารถใช้ความคิดพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น มองในมุมที่เป็นบวก ใช้เหตุผลให้มากขึ้นในการแสดงออก เมื่อตั้งสติได้และรู้สึกว่าเรากำลังถูกเร้าด้วยอารมณ์ การผ่อนคลายตนเองที่ดีคือการดึงความสนใจของตัวเราเองออกจากสิ่งที่กำลังเร้าอารมณ์เรา เพราะอารมณ์ส่งผลกระทบทั้งด้านร่างกาย จิตใจและพฤติกรรมของตนเอง รวมทั้งส่งผลต่อผู้อื่นด้วย การจัดการกับอารมณ์เป็นทักษะที่สามารถพัฒนาได้ด้วย วิธีการและเทคนิคต่างๆ เช่นการควบคุมอารมณ์ทางลบให้มีการแสดงออกทางอารมณ์ที่เหมาะสม ถือเป็นการพัฒนาตนเองให้มีความสามารถทางอารมณ์ที่มีความจำเป็นในการใช้ชีวิต และส่งผลต่อความสำเร็จในชีวิตด้วย

การควบคุมอารมณ์เป็นความสามารถที่จะจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสมโดยเฉพาะอารมณ์ในทางลบ เช่น ความโกรธ ฉุนเฉียว อารมณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นกับเราได้ แต่มิใช่จะแสดงออกไปทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา ผู้ที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ย่อมสามารถควบคุมอารมณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมตามแต่สถานการณ์ รู้จักระบายอารมณ์ออกในรูปแบบที่เหมาะสม การมองสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในทางบวก รู้จักมองบุคคลหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแง่มุมอื่นที่ต่างไปจากเดิม ฝึกตนเองให้มีอารมณ์ขัน การฝึกคิดหรือมองสิ่งต่างๆในหลายๆแง่มุมจะทำให้เราไม่ติดกรอบหรือติดกับมายาคติที่สร้างขึ้น

พัฒนาการทางจิตใจเป็นขบวนการที่สำคัญยิ่งในชีวิตมนุษย์

พัฒนาการทางจิตใจเป็นขบวนการที่สำคัญยิ่งในชีวิตมนุษย์ ที่ควบคู่มากับการพัฒนาการทางร่างกาย มนุษย์แต่ละคนที่เกิดขึ้นมาควรมีโอกาสได้พัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจ ให้เต็มศักยภาพที่ได้รับมาตามธรรมชาติ อะไรที่เป็นธรรมชาติเรายังมีความสามารถไปแก้ไขได้น้อยมากในขณะนี้ เช่น พันธุกรรมด้านต่างๆที่ติดตัวมาเนื่องจากได้ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ของตน เช่น สีผม รูปร่าง ความฉลาด โรคบางชนิด แต่ส่วนที่เราสามารถทำได้ดีคือ ส่วนที่เป็นพัฒนาการตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาและหลังจากเด็กคลอดออกมาแล้วโดยจัดสิ่งแวดล้อม ให้เหมาะสมที่สุดที่เด็กจะพัฒนาไปอย่างเต็มที่เพื่อให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพต่อตนเอง และสังคมส่วนรวมต่อไป

พัฒนาการที่เหมาะสมจะเป็นการป้องกัน จิตพยาธิสภาพ (psychopathology) ต่างๆ ได้มากมาย 1เช่น บุคลิกภาพปรวนแปรต่างๆที่มีความร้ายแรงไม่แพ้โรคร้ายๆทางกาย คล้ายโรคมะเร็ง เบาหวานและโรคอื่นๆ ตัวอย่าง เช่น ผู้ที่มีบุคลิกภาพอ่อนแอต้องพึ่งพิงผู้อื่นเสมอ ช่วยตัวเองไม่ได้ ตัดสินใจไม่ได้เอง อารมณ์ปรวนแปรเสมอ ก็มีสภาพไม่ต่าง

กับผู้ที่มีโรคร้ายที่ทำให้เป็นอัมพาตจนเดินไม่ได้ ทำงานไม่ได้ ป่วยทางใจแบบนี้ก็เปรียบเสมือนมีอาการ “อัมพาต” ทางจิตคือ ร่างกายสมบูรณ์ทุกอย่าง แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามวัย แต่กลับต้องเป็นภาระของผู้อื่นอีก ฉะนั้น พัฒนาการทางจิตใจที่ดีจึงจะช่วยให้คนๆ นั้นเติบโต มาแล้วมีความปกติสุขต่อไป
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการทางจิตใจ

เมื่อแรกเกิดมนุษย์มีสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย2,3 ต่างจากสัตว์โลก อื่นหลายชนิด เช่น เต่าออกจากไข่จะสามารถคลานลงทะเลไปหากินเองได้เลยโดยไม่ต้อง พึ่งพ่อแม่ สภาพช่วยตัวเองไม่ได้ของทารกนี่เองที่ทำให้พัฒนาการของมนุษย์เราขึ้นกับปัจจัยสิ่งแวดล้อมมาก สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมจึงจะสามารถทำให้ทารกมีพัฒนาการที่ดีที่เหมาะสม

ถึงอย่างไรก็ตามปัจจัยทางชีวภาพก็มีความสำคัญเช่นกัน แต่ก็ยังเป็นรองกว่าปัจจัยจาก สิ่งแวดล้อม เนื่องจากพัฒนาการทางจิตใจมีปัจจัยหลายอย่างมาก แต่พอจัดเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 2 กลุ่ม คือ

1. ปัจจัยทางชีวภาพ (Biological factors) คือสิ่งที่ติดตัวเด็กมาแต่ แรกเกิด

2. ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม (Environmental factors) สิ่งแวดล้อมคือ สภาพแวดล้อมรอบตัวเด็กที่เด็กมาปรับตัวเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดและพัฒนาตนเอง จนกระทั่งมี ลักษณะเฉพาะของตัวเอง

พัฒนาการทางจิตใจเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้คนเราเป็นคนที่มีคุณภาพดี มีจิตใจปกติ สามารถมีความสุข มีความรับผิดชอบ ปรับตัวได้ในสถานการณ์ต่างๆ สามารถทำหน้าที่ของตนได้ในครอบครัวและสังคมที่ตนอยู่ อีกทั้งไม่สร้างความเดือดร้อน เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น พัฒนาการที่ดีต้องอาศัยปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางชีวภาพของเด็กกับประสบการณ์จากสิ่งแวดล้อมที่เด็กเติบโตมา

ผู้เกี่ยวข้องในการเลี้ยงดูเด็กจึงมีความจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจบทบาทของตนที่จะช่วยพัฒนาเด็ก และป้องกันปัญหาทางจิตใจ อารมณ์ และพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ หรือเมื่อพบว่ามีความเบี่ยงเบนของพัฒนาการก็ควรรีบแก้ไข ทำเองหรือขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์เด็ก หรือบุคลากรทางสุขภาพจิตอื่นๆ แต่ถึงอย่างไรการป้องกันย่อมดีกว่ารอให้ปัญหาเกิดขึ้นเสียก่อนเสมอ

แนวทางการพัฒนาคุณภาพจิตใจ

ชีวิตจะมีความสุขอย่างแท้จริงนั้นจำเป็นต้องมีการพัฒนาจิตปัญญาและคุณภาพจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝึกฝนและพัฒนาได้ ด้วยการคิดทบทวน ไตร่ตรองเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประสบการณ์ชีวิตที่เกิดขึ้นโดยตรง หรือการเห็นหรือซึมซับจากประสบการณ์ของคนอื่น การจะพัฒนาจิตใจได้จะต้องมีการฝึกฝน ปฏิบัติ โดยสามารถกระทำได้ดังนี้

– ทบทวนตนเอง มีเวลาอยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง ทำให้เข้าใจตนเองและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น เห็นคุณค่าความหมายของชีวิตและมีความสุขกับคุณค่าของชีวิตที่เป็นอยู่

– การปล่อยวาง นั้นเป็นเรื่องของการทำจิตเพื่อไม่ให้ทุกข์ใจเข้าใจความจริงของชีวิต

– ควบคุมและจัดการอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง จากการทำงานที่ต้องเผชิญกับภาวะอารมณ์รุนแรงของผู้อื่น ความกดดันจากการทำงาน ความเสี่ยงในการใช้ชีวิต

– การได้สัมผัสและซึมซับความทุกข์ ความทุกข์ทั้งที่เกิดขึ้นกับตนเองและเรียนรู้ซับความทุกข์ของผู้อื่นเป็นแรงขับที่ทรงพลังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนวิธีคิดหรือเกิดการเรียนรู้นำไปสู่การพัฒนาจิตปัญญาได้อย่างรวดเร็ว

– การศึกษาธรรมหรือปฏิบัติธรรม เพราะการยึดมั่นในหลักคำสอนของศาสนาต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ช่วยให้มีการพัฒนาจิตใจและปัญญาได้อย่างมั่นคง

– การมีสติกับการใช้เทคโนโลยี โดยอย่าให้เทคโนโลยีเข้ามากระชากสติของเราไป ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ โทรทัศน์ก็ตาม

– การเจริญสติและการฝึกวิปัสสนา เป็นการฝึกให้เกิดสติอย่างต่อเนื่อง เพราะการเจริญสติอย่างต่อเนื่องและยาวนานจะทำให้เกิดผลดีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพกายและจิตใจ สามารถช่วยป้องกันและรักษาโรคได้หลายอย่าง เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของจิตใจ ทำให้ผู้เจริญสติมีจิตใจที่สงบสุข เยือกเย็น อิ่มเอิบและแจ่มใสส่งผลดีต่อร่างกายและการทำงานของสมอง เมื่อระบบประสาทผ่อนคลายก็จะสามารถลดความตึงเครียดได้ และสามารถปรับตัวของระบบต่างๆ ภายในร่างกายที่จะทำให้มีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น การเจ็บป่วยทางกายก็จะเกิดน้อยลง

จะเห็นได้ว่า การพัฒนาคุณภาพจิตใจนั้นสามารถกระทำได้อย่างง่ายโดยต้องเริ่มจากตนเองเสียก่อน เพราะสภาพจิตใจที่เป็นสุขสามารถมีสัมพันธภาพและรักษาสัมพันธภาพกับผู้อื่นไว้ได้อย่างราบรื่น สามารถทำตนให้เป็นประโยชน์ได้ภายใต้ภาวะสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางสังคมและลักษณะความเป็นอยู่ในการดำรงชีวิต อีกทั้งวางตัวได้อย่างเหมาะสมและปราศจากอาการป่วยของโรคทางจิตใจและร่างกายได้อีกด้วย